[ใหม่] น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวผสมน้ำมันปลาโอเมก้า Omega 40 Cap. ราคาถูกเพียง650 บาทส่ง EMS ฟรี

726 สัปดาห์ ที่แล้ว - กรุงเทพมหานคร - คนดู 750

650 ฿

  • น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวผสมน้ำมันปลาโอเมก้า Omega 40 Cap.  ราคาถูกเพียง650 บาทส่ง EMS ฟรี รูปที่ 1
  • น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวผสมน้ำมันปลาโอเมก้า Omega 40 Cap.  ราคาถูกเพียง650 บาทส่ง EMS ฟรี รูปที่ 2
รายละเอียด
ข้อมูลทางวิชาการ P5 โอเมก้า  สุดยอดอาหารเสริมสองชนิดของโลกมารวมกัน

P5 โอเมก้าได้รับการคิดค้นพัฒนาเพื่อนำประโยชน์จากการผสานคุณค่าของน้ำมันจมูกข้าวซึ่งเป็นแหล่งของโอเมก้า 3   (w3) หรือกรดไลโนเลนิค และน้ำมันปลาอันอุดมไปด้วยกรดไขมันw-3 สายยาว เช่น EPA (eicosapentanoic acid) และ DHA (docohexaenoic acid) มาไว้ในแคปซูลเดียวกัน เนื่องจากพืช เช่น ข้าว มีเอนไซม์ที่จะสังเคราะห์ กรดไขมัน w- 3จึงถือเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเท่านั้นในเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสามารถเปลี่ยนจาก w- 3  ที่มีคาร์บอนจำนวน  18 อะตอมให้เป็น w- 3 สายยาวได้โดยการเพิ่มจำนวนคาร์บอนอะตอมและพันธะคู่ อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของการเปลี่ยนกรดไลโนเลนิคให้เป็น w- 3  สายยาวในร่างกายของผู้ใหญ่โดยเฉพาะในผู้ชายนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ดังนั้นการบริโภคอาหารจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มปริมาณกรดไขมัน w- 3   สายยาวให้เพียงพอต่อการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเรา การรับประทาน P5โอเมก้า จำนวน 4 แคปซูลต่อวัน มีปริมาณ EPA และ DHA 450 mg จะเพิ่มระดับกรดไขมัน w- 3  ให้เพียงพอต่อการทำงานของเซลล์ร่างกายต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่นของ P5 omega

P5 omega เป็นอาหารเสริมรายแรกที่นำคุณประโยชน์จากน้ำมันปลาและน้ำมันจมูกข้าวมารวมกันไว้ในแคปซูลเดียว การรับประทานน้ำมันปลาเพียงอย่างเดียวเป็นเวลานานติดต่อกันหลายเดือน อาจทำให้ร่างกายขาดวิตามิน E ได้ ผู้ผลิตน้ำมันปลาส่วนใหญ่จึงต้องเติมวิตามินอีสังเคราะห์ แต่ P5 omega ประกอบด้วยวิตามิน E ธรรมชาติจากน้ำมันรำข้าว ผู้บริโภคจึงวางใจ P5 omega ได้ว่าไม่มีผลข้างเคียง นอกจากนี้การรับประทานน้ำมันปลาเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ระดับ LDL โคเลสเตอรอลสูงขึ้น 5-10% แต่ น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว ใน P5omega สามารถลด LDL โคเลสเตอรอลได้ถึง 40% ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า P5 omega เป็นอาหารเสริมสำหรับสุขภาพของคุณอย่างแท้จริง

P5 omega และการลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

การทำงานของสารสเตอร์รอล (sterols) และสตานอล (stanols) ในน้ำมันรำข้าวร่วมกับกรดไขมัน w- 3 สายยาวจากน้ำมันปลาช่วยป้องกันและลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้อย่างเห็นผล น้ำมันทั้งสองชนิดนี้ทำงานร่วมกันหลาย ๆ วิธีในเพื่อช่วยชะลอการเกาะตัวของไขมันที่ผนังเส้นเลือดหัวใจ เช่น ไปลดระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ ( TAG)  ในกระแสเลือด ซึ่งสองปัจจัยนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจ สารสเตอร์รอลจากน้ำมันรำข้าวนั้นสามารถลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดได้โดยการไปแข่งขันแย่งพื้นที่การดูดซึมของโคเลสเตอรอลจากอาหารในผนังลำไส้เล็ก  ส่งผลให้โคเลสเตอรอลจากอาหารไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย งานวิจัยทั่วโลกต่างยอมรับว่า EPA และ DHA จากน้ำมันปลามีประสิทธิภาพในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้ทั้งระดับไตรกลีเซอร์ไรด์หลังอาหารและระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ช่วงอดอาหาร ส่งผลให้ร่างกายกำจัดสามารถอนุภาคของ LDL โคเลสเตอรอล (โคเลสเตอรอลที่ไม่ดี)  ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดไขมันสะสมบนผนังหลอดเลือดได้เร็วขึ้น  จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้  จากงานวิจัยทั่วโลกทำการวิจัยในคนมากกว่า 200,000คน ใช้เวลาติดตามผลนานมากกว่า 11 ปี สรุปว่ากรดไขมัน  w- 3สายยาวสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุการตายของโรคหัวใจและสมองขาดเลือดฉับพลัน  กรดไขมัน w- 3สายยาว ไปยับยั้งการสร้างสารไอโคซานอยด์ที่กระตุ้นให้เกิดการรวมตัวกันของเกร็ดเลือด

ส่งผลให้การรวมตัวของเกร็ดเลือดลดลง จึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน  นอกจากนี้โอเมก้า 3 สายยาวซึ่งเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มหัวใจยังช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติโดยไปปรับการไหลของประจุไฟฟ้า  เช่น ประจุโซเดียม, โปแตสเซียม และ แคลเซียมทำให้กระแสไฟฟ้าเสถียรและจังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ  ป้องกันการเกิดหัวใจวายได้  คุณสมบัติเด่นอีกชนิด ของกรดไขมัน w- 3สายยาวก็คือ  ความสามารถในการลดการอักเสบ (anti-inflammation)  ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดไขมันสะสมบนผนังเส้นเลือด (atherosclerousis) การรับประทาน EPA และ DHA เป็นประจำจะไปช่วยลดจำนวนและปฏิกิริยาของแมคโครฟาจที่จะเข้าไปรวมตัวกับไขมันที่เกาะบนผนังหลอดเลือด (plaque) ส่งผลให้ชะลอการเกิดการสะสมบนผนังเส้นเลือดได้ และปริมาณ EPA และ DHA ที่สูงจะทำให้ plaque ไขมันเสถียรไม่หลุดไปอุดตันเส้นเลือด จึงทำให้ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตเนื่องจากเส้นเลือดอุดตันได้

จึงสรุปได้ว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้โดยการลดโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ในกระแสเลือด, ช่วยลดความดันโลหิต, ลดการจับตัวกันของเกร็ดเลือด, ลดการอักเสบและช่วยลดการสะสมของไขมันบนผนังเส้นเลือด ทำให้หลอดเลือดหัวใจไม่แข็งตัว และป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดหัวใจและสมอง โอเมก้า 3 ยังช่วยปรับจังหวะการเต้นหัวใจเป็นปกติป้องกันหัวใจวาย  การรับประทานกรดไขมันโอเมก้าจึงช่วยป้องกันการตายอย่างฉับพลัน  และลดอัตราเสี่ยงจากการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด

P5โอเมก้า และการลดการอักเสบ

กรดไขมัน โอเมก้า-3  สายยาวมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ เนื่องจากความสามารถในการยับยั้งการสังเคราะห์กรดอะแรคคิโดนิค ซึ่งเป็นกรดไขมันตั้งต้นในการสร้างสารไอโคซานอยด์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและบวมแดง เช่น สารพลอสตาแกลนดินส์และลูโคไตรอีนส์  งานวิจัยจำนวนมากในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยพบว่าปริมาณลูโคไตรอีนส์ บี4 และบี 1 ซึ่งสร้างจากเซลล์เม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิวส์และโมโนไซต์  ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ  เซลล์เม็ดเลือดขาวทั้งสองชนิดนี้เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบในโรครูมาตอย  นอกจากนี้กรดโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลายังช่วยลดอาการข้อแข็งฝืด และอาการข้อยึดจากโรคข้อกระดูกเสื่อม (osteoarthritis) ที่พบมากในผู้สูงอายุ  ทำให้ผู้ป่วยลดอาการปวดข้อ เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น  และสามารถลดหรือหยุดการใช้ยาได้หลังจากการรับประทาน  EPA+DHA ปริมาณ 3 กรัมติดต่อกันเป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์  นอกจากโรครูมาตอยและข้อเสื่อมแล้ว  การรับประทานโอเมก้า-3 ก็สามารถช่วยบรรเทาหรือยับยั้งอาการอักเสบในโรคอื่นๆ ได้  เช่น โรคลำไส้อักเสบ, โรคเรื้อนกวาง, โรคสะเก็ดเงิน และโรคภูมิแพ้ต่างๆ

P5 omega และการทำงานของสมองและสายตา

DHA เป็นส่วนประกอบหลักที่มีผลต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท  โดยเฉพาะในสมองส่วนสีเทาและจอประสาทตา   (เรตินา) ของคนเรามี DHA สูงถึง 50% ปริมาณ DHA ในเนื้อเยื่อสมองและตานั้น  เพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโตในเด็ก และลดลงในผู้สูงอายุ ปริมาณ DHA ในเนื้อเยื่อทั้งสองชนิดนี้ยังสัมพันธ์กับปริมาณ DHAในอาหารที่บริโภคด้วย  เนื่องจาก DHA มีบทบาทสำคัญในการสื่อประสาท การขาด DHA จึงส่งผลให้การพัฒนาของสายตาและระบบประสาทในเด็กด้อยลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความจำเสื่อมและประสิทธิภาพการทำงานสมองลดลงในผู้สูงอายุ

 

ส่วนประกอบใน 1 แคปซูล

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว (34.5%) 500 มิลลิกรัม

กรดโอเลอิก  225 มิลลิกรัม

กรดไลโนเลอิก 110 มิลลิกรัม

แกมม่าออไรซานอล 8 มิลลิกรัม

วิตามิน อี 0.75 มิลลิกรัม

น้ำมันปลา (34.5%) 500 มิลลิกรัม

ผลิตภัณฑ์นี้ให้กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3  ได้แก่ อีพีเอและดีเอชเอ ใน1 แคปซูลมีน้ำมันปลา 500 มิลลิกรัม

ประกอบไปด้วย กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง 

กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 90 มิลลิกรัม

กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (อีเอชเอ) 60 มิลลิกรัม

กรดไขมันอิ่มตัว 135 มิลลิกรัม

ไม่ใช้วัตถุกันเสีย,ไม่เจือสารสังเคราะห์,ไม่แต่งกลิ่น

วิธีรับประทาน

รับประทานวันละ 1-2 แคปซูล ก่อนหรือหลังอาหาร