[มือสอง] พระพิฆเนศโบราณ หลวงพ่อกิ๋น วัดดอนยานนาวา ปี ๒๔๘๐
435 สัปดาห์ ที่แล้ว
- กรุงเทพมหานคร - เขตบางกอกใหญ่ - คนดู 15
รายละเอียด
พระพิฆเนศโบราณ หลวงพ่อกิ๋น วัดดอนยานนาวา ปี 2480 (หายากมาก) มีจารเข้มขลัง เนื้อโลหะผสมเก่าจัด น่าบูชาเป็นที่สุด สร้างพร้อมพระกริ่งฟ้าผ่า "พระกริ่งฟ้าผ่า" แม้จะเป็นพระกริ่งที่ออกโดย วัดดอนยานนาวา ก็เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นหนึ่งในพระกริ่งสายวัดสุทัศน์ที่ได้รับความนิยมสะสมอย่างกว้างขวาง เนื่องด้วยสมเด็จพระสังฆราชแพทรงมอบแผ่นทองลงอักขระและชนวนพระกริ่งรุ่นเก่าๆ ที่สะสมไว้เพื่อใช้เป็นชนวนในการหล่อ และทรงเป็นประธานในพิธีการสร้าง ส่วนด้านความเป็นเลิศในพุทธคุณ ดูจากชื่อก็เชื่อแล้วว่าต้องแน่จริงๆ ครับผม ในช่วงสงครามอินโดจีนปี พ.ศ.2480 พระครูกัลยาณวิสุทธิ์ (หลวงพ่อกึ๋น) เจ้าอาวาส วัดดอนยานนาวา พระเกจิผู้มีชื่อเสียงโด่งดังด้านสมาธิภาวนาและวิชาอาคมขลัง เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในยุคนั้น มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ตั้งใจจัดสร้าง "พระกริ่ง" เพื่อแจกจ่ายให้แก่ศิษยานุศิษย์ที่ออกสนามรบ จึงทูลขออนุญาตสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศนเทพวราราม และอาราธนาเป็นประธานจุดเทียนชัยและกำกับการพิธีการจนแล้วเสร็จ ในระหว่างพิธีได้ปรากฏเหตุมหัศจรรย์ถึงสองครั้งสองครา ครั้งหนึ่งจู่ๆ ท้องฟ้าซึ่งกำลังแจ่มใสก็มืดครึ้มลง ได้เกิดสายฟ้าผ่าลงมาในปริมณ��'ลพิธี แต่ก็ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ร่วมงานในพิธีแต่อย่างใด และอีกครั้งขณะที่สมเด็จพระสังฆราชแพทรงจับสายสิญจน์ในพิธีเททอง สายสิญจน์เส้นหนึ่งได้ถูกลมพัดตกลงในเบ้าหลอมเนื้อโลหะที่กำลังร้อนแต่ก็ไม่ไหม้ เหตุการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระสังฆราชแพและผู้มาร่วมงานพิธีเป็นจำนวนมาก จึงทรงประธานนามพระกริ่งว่า "พระกริ่ง นิรันตราย" แต่ส่วนใหญ่มักเรียก "พระกริ่งฟ้าผ่า" ตามเหตุอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น และเรียกติดปากกันมาจนทุกวันนี้ "พระกริ่งฟ้าผ่า" สร้างด้วยวิธีการเททองหล่อแบบโบราณและบรรจุกริ่งในตัวเหมือนพระกริ่งวัดสุทัศน์ กระแสของเนื้อโลหะเป็นทองผสม วรรณะจะออกเหลืองอมน้ำตาล ที่อมเขียวจะมีจำนวนน้อย มี 2 ขนาด คือขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แต่พุทธลักษณะจะเหมือนกันทุกประการ คือ - องค์พระประทับนั่ง ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร สถิตเหนืออาสนะบัวคว่ำบัวหงาย 7 กลีบ ซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมแบบบัวจีน - พระหัตถ์ข้างซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ - หน้าพระเพลาเป็นผ้าทิพย์ - ด้านหลังพระเศียรเป็นประภามณ��'ลลักษณะกลมประดับด้วยเม็ดไข่ปลานูน หลังประภามณ��'ลแบนเรียบ มีจารอักขระขอม "ตัวอุ" เกือบทุกองค์ - พระเกศเป็นหนามขนุน - พระนลาฏปรากฏอุณาโลม มีทั้งแบบเม็ดไข่ปลานูนและรอยตอกด้วยตุ๊ดตู่ลึกลงไป - พระพักตร์ค่อนข้างยาวรีคล้ายผลมะตูม พระเนตรเป็นแบบเนตรเนื้อ "พระกริ่งฟ้าผ่า" นับเป็นพระกริ่งรุ่นเก่าที่น่าสะสมมาก แต่ปัจจุบันค่อนข้างหาดูหาเช่าของแท้ๆ ค่อนข้างยาก จึงขอชี้จุดเอกลักษณ์เฉพาะในการพิจารณาเบื้องต้น คือ ด้วยความเก่าแก่ขององค์พระซึ่งถ้านับถึงปัจจุบันก็กว่า 70 ปี ******พระพิฆเนศวรกับประเทศไทย ในประเทศไทยจะเห็นได้ว่ามีการบูชาเทพองค์ต่างๆในศาสนาพราหมณ์อยู่มากมาย รวมทั้งองค์พระพิฆเณศ ซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ดูได้จากการพบรูปสลักพระพิฆเณศในเทวสถานตามเมืองต่างๆ ทั่วทั้งประเทศไทย โดยมีหลักฐานการค้นพบองค์เทวรูปบูชาพระพิฆเณศที่เก่าแก่ในสมัยที่ขอมเรืองอำนาจในดินแดนสุวรรณภูมิ เป็นต้นว่าองค์เทวรูปบูชานั้นสลักจากหิน ค้นพบทางแถบจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณ��'สถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพฯ คนไทยถือว่าองค์พระพิฆเนศวรเป็นที่เคารพสักการะในฐานะองค์บรมครูแห่งศิลปวิทยาการ 18 ประการ โดยคนไทยยอมรับในองค์พระพิฆเนศวรให้เป็นเทพแห่งศิลปะทั้งมวล และเป็นเทพองค์สำคัญในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งทางศาสนาพราหมณ์ได้สถาปนาพระพิฆเนศวร เป็นเทพพระองค์แรกที่ต้องบูชาก่อนเริ่มพิธีใดๆ เป็นการคารวะในฐานะบรมครูผู้ประสาทปัญญาและความสำเร็จ สามารถขจัดอุปสรรคทั้งปวงให้หมดสิ้นไป กิจการทุกอย่างจึงสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี หน่วยงานราชการกรมศิลปากรและมหาวิทยาลัยศิลปากรจึงได้ถือเอาพระพิฆเนศวรเป็นสัญลักษณ์ พระพิฆเนศวรเป็นโอรสของพระอิศวรและพระอุมาเทวี มีรูปกายเป็นมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง ทุกคนเคารพนับถือท่านในฐานะที่ท่านเป็น "วิฆเนศ" นั่นคือ เจ้า (อิศ) แห่งอุปสรรค (วิฆณ) เพราะเจ้าแห่งอุปสรรค ที่สามารถปลดปล่อยอุปสรรคได้ และอีกความหมายถึง ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จในทุกศาสตร์สรรพสิ่งหรือเทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นใหม่ทั้งปวง เมื่อพิจารณาความหมายในทางสัญญะ รูปกายที่อ้วนพีนั้นมีความหมายว่า ความอุดมสมบูรณ์ เศียรที่เป็นช้างมีความหมาย หมายถึงผู้มีปัญญามาก ตาที่เล็กคือ สามารถมอง แยกแยะสิ่งถูกผิด หูและจมูกที่ใหญ่หมายถึง มีสัมผัสพิจารณา ที่ดีเลิศ พระพิฆเนศวรมีพาหนะคือ หนู ซึ่งอาจเปรียบได้กับความคิด ที่พุ่งพล่าน รวดเร็ว ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีปัญญากำกับเป็นดั่งเจ้านายในใจตน ลักษณะของพระพิฆเนศวร มีรูปกายเป็นมนุษย์อ้วนเตี้ย ท้องพลุ้ย มีเศียรเป็นช้าง มีงาข้างเดียว (ถูกขวาน ปรศุรามหักเสียงา) สีกายสีแดง (บางแห่งว่าผิวเหลือง นุ่งห่มแดง) มีสี่กร พระหัตถ์หน้าขวาถืองาช้าง พระหัตถ์ซ้ายถือขันน้ำมนต์ เป็นกระโหลกศีรษะมนุษย์ พระหัตถ์หลังขวาถือ ตรี พระหัตถ์ซ้ายถือบาศ (บ่วง) พาหนะคือ หนู